Search

1.การมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงในการให้สิทธิประชา...

  • Share this:

1.การมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงในการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายของประเทศเยอรมัน

ประเทศเยอรมันเป็นประเทศที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรง ภายใต้รูปแบบการสาธารณรัฐ มีประมุขเป็นบุคคลธรรมดา คือ ประธานาธิบดี และเป็นการปกครองในรูปแบบสหพันธรัฐ ซึ่งการให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองในการออกเสียงประชามติ ของเยอรมัน นั้นจะทำได้แต่เฉพาะในกรณีของการเปลี่ยนแปลงเขตแดนของมลรัฐต่างๆ เสียใหม่เท่านั้นของระดับสหพันธ์เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ในระดับมลรัฐต่างๆ ของเยอรมันนี้ ได้ให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรง ในการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย (Initiative Process) ได้และสิทธิดังกล่าวนี้ยังรวมถึงการให้สิทธิแก่ประชาชนในทางที่จะยื่นคำร้องทั่วไปต่อรัฐบาล เพื่อพิจารณาได้เช่นกัน ไว้ในรัฐธรรมนูญของแต่ละมลรัฐ โดยมีหลักเกณฑ์และรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.1 ประชาชนผู้มีสิทธิในการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
การมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงของประชาชน การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย รัฐธรรมนูญของทุกมลรัฐได้กำหนดสิทธิแก่ประชาชนในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายให้รัฐสภาพิจารณาได้ โดยกำหนดคุณสมบัติของประชาชนผู้ที่มีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมาย กำหนดให้ประชาชน “ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง” เท่านั้นที่จะสามารถร่วมกันเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้ ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งของเยอรมัน (Electoral law) ได้กำหนดคุณสมบัติของประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง จะต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ถาวรอื่นใดเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือนในเยอรมัน
ข้อสังเกต ในระดับมลรัฐ รัฐธรรมนูญของแต่ละมลรัฐจะกำหนดระยะเวลาอย่างต่ำของการมีภูมิลำเนาไว้แตกต่างกัน และต้องไม่เป็นผู้ถูกตัดสิทธิจากการเลือกตั้ง จะต้องเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้ลงทะเบียนในทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้งหรือมีบัตรออกเสียง ซึ่งในกรณีที่ได้ลงทะเบียนไว้จะต้องมาออกเสียงด้วยตนเอง ในเขตหรือท้องที่ที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนของผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง ซึ่งบัตรออกเสียงเลือกตั้ง จะต้องไม่ออกเสียง ณ หน่วยรับเลือกตั้งหรือจะส่งบัตรออกเสียงไปทางไปรษณีย์ ภายใต้หลักเกณฑ์การลงทะเบียนในทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้กำหนดไว้ใน Federal Electoral Regulation
ประชาชนผู้มีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมายในระดับมลรัฐจะมีความแตกต่างกัน ในเรื่องจำนวนของประชาชนในการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ซึ่งในบางมลรัฐมีการกำหนดเป็นจำนวนที่แน่นอน ในขณะที่บางมลรัฐ กำหนดไว้เป็นอัตราส่วนร้อยละ เช่น มลรัฐBaden - Wuertlemberg กำหนดให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่างน้อย 1 ใน 6 ของประชาชน เข้าชื่อเสนอกฎหมาย มลรัฐBayern กำหนดให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 1 ใน 10 ร่วมกันเข้าชื่อเรียกร้องให้มีกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่ง มลรัฐBrandenburg กำหนดให้ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งร่วมกันเข้าชื่อเสนอกฎหมาย อย่างน้อย 20,000 คน แต่ในกรณีที่เป็นการร้องขอให้มีการยุบสภานั้นจะต้องมีประชากรร่วมกันเข้าชื่ออย่างน้อย 150,000 คน มลรัฐNiectersachen กำหนดให้ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งร่วมกันเข้าชื่อเสนอกฎหมายอย่างน้อย 70,000 คน มลรัฐSachen กำหนดให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งร่วมกันเข้าชื่อเสนอกฎหมายอย่างน้อย 40,000 คน มลรัฐSehleswig – Holstein กำหนดให้ประชาชนผู้มีสิทธิร่วมกันเข้าชื่อเสนอกฎหมายอย่างน้อย 20,000 คน มลรัฐThueringen กำหนดให้การเรียกร้องของประชาชนจะต้องมีผลสมบูรณ์ต่อเมื่อประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าจำนวนร้อยละ 14 ได้ให้ความเห็นชอบกับการเรียกร้องนั้น เป็นต้น
1.2 ประเภทของกฎหมายที่ให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
ประชาชนของกฎหมายที่มลรัฐต่างๆ ในเยอรมันให้สิทธิแก่ประชาชนเสนอกฎหมาย (Initiative Process) มีอยู่ 3 ประเภท คือ รัฐธรรมนูญของมลรัฐ กฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ) และคำร้องขออื่นๆ แยกพิจารณาได้ดังนี้

1.2.1 การให้สิทธิแก่ประชาชนในการเข้าชื่อเสนแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งมลรัฐ
การให้สิทธิแก่ประชาชนเป็นผู้เข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้น ในแต่ละมลรัฐของเยอรมันนั้นจะต้องเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงถ้อยคำหรือเพิ่มเติมถ้อยคำในรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ จะต้องเป็นการแก้ไขถ้อยคำโดยชัดแจ้ง ซึ่งการให้สิทธิแก่ประชาชนเข้าชื่อเสนอขอแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญแห่งมลรัฐ (Initiative Process) ได้มีบทบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญของหลายมลรัฐ อาทิเช่น มลรัฐBrandenburg มลรัฐThueringen มลรัฐSachsen มลรัฐNiedersachsen และมลรัฐSchteswig - Holstein เป็นต้นโดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ คือ จะต้องมีประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งร่วมกัน เข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญของแต่ละมลรัฐกำหนด
ข้อสังเกต ในบางมลรัฐจะมีข้อจำกัดว่าประเด็นใดบ้างที่ประชาชนไม่สามารถที่จะร่วมกันเข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เช่น ในมลรัฐThueringen กำหนดว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่จะกระทบต่อเรื่องเกียรติภูมิ และศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ เรื่องความเป็นนิติรัฐ เรื่องการใช้อำนาจรัฐโดยองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และเรื่องความผูกพันต่อกฎหมายและรัฐธรรมนูญของอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหารและอำนาจตุลาการนั้นไม่สามารถกระทำได้ หรือ
ในมลรัฐSachsen กำหนดข้อจำกัดไว้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะกระทำที่ขัดกับหลักการ เรื่องความเป็นนิติสังคมรัฐซึ่งเป็นประชาธิปไตย เรื่ององค์กรนี้ใช้อำนาจรัฐตามรัฐธรรมนูญ เรื่องเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ เรื่องความผูกพันต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของอำนาจรัฐมิได้ เป็นต้น
1.2.2 การให้สิทธิแก่ประชาชนในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายธรรมดา
ในแต่ละมลรัฐของเยอรมัน การเข้าชื่อเสนอกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ) ของประชาชน โดยกระบวนการเรียกร้องนี้ร่วมให้มีกฎหมายใหม่ การแก้ไขกฎหมาย การยกเลิกกฎหมาย ในแต่ละมลรัฐจะกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการในการดำเนินการที่แตกต่างกันไป
แต่อย่างไรก็ตามในแต่ละมลรัฐ ก็ยังได้กำหนดข้อจำกัดของการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายไว้หลายประเด็น เช่น มลรัฐBayern กำหนดว่าการเรียกร้องของประชาชน จะไม่ใช้กับกฎหมายว่าด้วยงบประมาณของมลรัฐ หรือในมลรัฐBrandenburg มลรัฐSachsen มลรัฐNiedersachsen กำหนดว่าด้วยกฎหมายว่าด้วยงบประมาณ กฎหมายที่เกี่ยวกับรายได้รวมถึงภาษีอากรและค่าธรรมเนียมต่างๆ ของรัฐ รวมถึงการตัดสินใจ ที่เกี่ยวกับบุคลากร ไม่สามารถใช้กระบวนการเรียกร้องได้ หรือมลรัฐBaden – Wuerttemberg และมลรัฐThueringen กำหนดห้ามมิให้มีการเรียกร้องของประชาชน ในกฎหมายที่เกี่ยวกับภาษีอากร กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเงินเดือน ข้าราชการและกฎหมายว่าด้วยงบประมาณแผ่นดิน หรือในมลรัฐSchleswig-holstein กำหนดร่างกฎหมายที่ประชาชนจะเสนอได้นั้นจะต้องไม่ขัดกับหลักการพื้นฐานการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ยึดมั่นหลักนิติรัฐ เป็นต้น

1.2.3 การให้สิทธิแก่ประชาชนให้สามารถเสนอคำร้องทั่วไปเพื่อให้รัฐสภาพิจารณา
ในแต่ละมลรัฐ ประเทศเยอรมัน นอกจากจะให้สิทธิแก่ประชาชนให้สามารถริเริ่มหรือเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือรัฐบัญญัติได้แล้ว ในบางมลรัฐยังให้สิทธิ แก่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับการก่อตั้งเจตจำนงทางการเมือง ภายในขอบเขตอำนาจหน้าที่รัฐสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐ ในรูปแบบของ “คำร้องขออื่นๆ” เช่น คำร้องขอให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐ เป็นต้น โดยหลักเกณฑ์ของการริเริ่มและการเสนอคำขอนั้น จะเป็นหลักเกณฑ์เดียวกับการริเริ่มหรือการเรียกร้องของประชาชน จะแตกต่างก็แต่เพียงรายละเอียดต่างๆ เช่น จำนวนของประชาชน ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งที่จะร่วมกันเข้าชื่อเสนอคำร้องและคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบกับคำร้องนั้น เช่น ในรัฐธรรมนูญของมลรัฐBrandenburg กำหนดให้การยื่นคำร้องขอให้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐนั้นจะต้องมีประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งร่วมกันเข้าชื่ออย่างน้อย 150,000 คน และจะต้องได้รับคะแนนเสียงดังกล่าวนั้นจะต้องไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด ในขณะที่หากเป็นการเรียกร้องให้มีการเสนอแก้ไขปรับปรุง กฎหมายธรรมดา หรือรัฐบัญญัตินั้นจะมีจำนวนประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งร่วมกันเข้าชื่อเพียง 20,000 บาทและจะต้องได้รับคะแนน เสียงให้มีความเห็นชอบจากการออกเสียงประชามติโดยเสียงข้างมากของประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเสียงข้างมากนั้นจะต้องไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั้งหมด เป็นต้น

1.3 รูปแบบของร่างกฎหมายที่ให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
การเรียกร้องของประชาชนนั้นไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือจะเป็นการเรียกร้องให้มีกฎหมาย เรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้นจะต้องจัดทำเป็นรูปร่างกฎหมายอย่างเป็นทางการ (Formulated – Initiative) ในลักษณะเดียวกันกับการเสนอร่างกฎหมายโดยรัฐบาล หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐ ดังจะเห็นจากบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญของมลรัฐทุก ๆ มลรัฐ ที่ได้ให้สิทธิแก่ประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายเพื่อให้รัฐสภาแห่งมลรัฐพิจารณา ซึ่งมักจะกำหนดว่าการริเริ่มของประชาชนจะต้องจัดทำร่างกฎหมายและเหตุผลเสนอมาพร้อมกัน

1.4 หลักเกณฑ์และวิธีการการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
หลักเกณฑ์และวิธีการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย (Initiative Process) ของมลรัฐต่างๆ ในเยอรมันนั้นเมื่อ พิจารณาแล้วจะพบว่าในแต่ละมลรัฐจะกำหนดหลักเกณฑ์และรายละเอียดไว้แตกต่างกัน แต่มีหลักเกณฑ์และวิธีการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายในแต่ละมลรัฐนั้นจะมีขั้นตอนที่สำคัญอยู่ 3 ขั้นตอน ดังนี้

1.4.1 การริเริ่มเสนอร่างกฎหมายโดยประชาชน
การริเริ่มเสนอร่างกฎหมายโดยประชาชนเริ่มขึ้นเมื่อประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งที่มีความประสงค์จะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐดำเนินการในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับการก่อตั้งเจตจำนงทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ) รวมถึงคำร้องขออื่นๆ จะต้องดำเนินการยื่นคำร้องเป็นลายลักษณ์อักษร เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร แห่งมลรัฐเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐพิจารณาได้ โดยจะต้องจัดทำร่างกฎหมาย พร้อมเหตุผลเสนอไปพร้อมกัน
คำร้องของประชาชนนั้นจะต้องถูกตรวจสอบความถูกต้องโดยเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ ซึ่งในแต่ละมลรัฐแตกต่างออกไป บางมลรัฐกำหนดให้เป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐ ในขณะที่บางมลรัฐกำหนดให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย การตรวจสอบดังกล่าวนี้จะเป็นการตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของคำร้องดังกล่าวว่าชอบด้วยกฎหมาย หรือขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือคำร้องนั้นเป็นคำร้องที่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยงบประมาณของมลรัฐ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินเดือน และค่าตอบแทนของข้าราชการ หรือเป็นคำร้องเกี่ยวกับกฎหมายภาษีอากร และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ของรัฐ ซึ่งต้องห้ามมิให้มีการริเริ่มหรือไม่ เมื่อตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องก็จะต้องส่งให้สภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐพิจารณาต่อไป ในทางตรงกันข้าม หากเห็นว่าคำร้องดังกล่าวนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือขัดรัฐธรรมนูญจะต้องส่งคำร้องดังกล่าวนั้นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญแห่งมลรัฐวินิจฉัย ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือขัดรัฐธรรมนูญคำร้องนั้นก็จะตกไป แต่หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญก็จะต้องส่งคำร้องนั้นไปยังสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐเพื่อพิจารณาต่อไป
เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐ ในขั้นตอนนี้ผู้แทนของกลุ่มประชาชนที่มีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมายนั้นมีสิทธิที่จะเข้าชี้แจงถึงข้อเสนอของตนต่อสภาได้ และสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐจะต้องดำเนินการพิจารณาให้แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายของแต่ละมลรัฐกำหนดในกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบกับข้อเสนอดังกล่าวหรือให้ความเห็นชอบโดยมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของร่างกฎหมายนั้นจะต้องจัดให้มีกระบวน การเรียกร้องของประชาชนขึ้นหากผู้แทนของการริเริ่มร้อง หลักการริเริ่มโดยประชาชนนี้จะปรากฏในรัฐธรรมของมลรัฐBrandenburg มลรัฐSachsen มลรัฐNiedersachsen และ มลรัฐSchleswig - Holstein เป็นต้น

1.4.2 การเรียกร้องของประชาชน
หลังการริเริ่มของประชาชนถูกต้องให้สภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐพิจารณาแล้ว หากสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐไม่เห็นชอบกับข้อเสนอของประชาชนและผู้แทนการริเริ่มร้องขอจะต้องจัดให้มีกระบวนการ การเรียกร้องของประชาชนขึ้นโดยกระบวนการเรียกร้องของประชาชนจะถือว่าผ่านขั้นตอน และมีผลสมบูรณ์ต่อเมื่อจะต้องมีประชาชนจะถือว่าผ่านขั้นตอนและมีผลสมบูรณ์ต่อเมื่อจะต้องมีประชาชน ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งลงนามให้ความสนับสนุนตามจำนวนที่กฎหมายกำหนดและภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งกฎหมายของแต่ละมลรัฐจะกำหนดไว้แตกต่างกัน เช่น มลรัฐBrandenburg กำหนดว่าการมีเรียกร้องของประชาชน จะมีผลสมบูรณ์เมื่อได้รับคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบอย่างน้อย 80,000 คน หากกรณีเป็นคำร้องที่ขอให้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐจะต้องได้รับคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบอย่างน้อย 200,000 คน ซึ่งกระบวนการนี้ต้องแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 4 เดือน หรือ มลรัฐSachsen กำหนดว่า การเรียกร้องของประชาชนจะต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาชนจำนวน 450,000 คน ภายในระยะเวลา 6 เดือน เป็นต้น
หากการเรียกร้องของประชาชนมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐ จะต้องดำเนินการตรากฎหมายให้เป็นไปตามการเรียกร้องของประชาชน ภายในระยะเวลาที่กฎหมายของแต่ละมลรัฐกำหนด ถ้าสภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นชอบกับการเรียกร้องของประชาชนหรือดำเนินการตามการเรียกร้องของประชาชนจะต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติ (Referendum) ขึ้น เว้นแต่บางมลรัฐที่กำหนดว่าต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติขึ้นแม้สภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐจะให้ความเห็นชอบกับการเรียกร้องของประชาชนก็ตาม เช่น มลรัฐBaden – Wuerttemberg เป็นต้น
ข้อสังเกต ในบางมลรัฐที่ไม่ได้กำหนดให้มีกระบวนการริเริ่มโดยประชาชนไว้ แต่ได้กำหนดให้ใช้กระบวนการเรียกร้องโดยประชาชนไว้เป็นขั้นตอนแรก เช่น มลรัฐThueringen นั้น เมื่อการเรียกร้องของประชาชนมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว หากรัฐบาลหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 เห็นว่า การเรียกร้องของประชาชน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญแห่งมลรัฐวินิจฉัยก่อน หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแห่งมลรัฐเห็นด้วยว่ากฎหมายก็จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐต่อไป ซึ่งในกรณีนี้หากสภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นชอบก็จะต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติขึ้น

1.4.3 การออกเสียงประชามติ
การออกเสียงประชามติจะเกิดขึ้นในกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐ ไม่ปฏิบัติตามการเรียกร้องของประชาชน หรือในบางมลรัฐกฎหมาย ให้นำร่างกฎหมายที่จัดทำขึ้นโดยประชาชนจะต้องไปออกเสียงประชามติ ซึ่งกระบวนการนี้จะต้องจัดทำขึ้นภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ บางมลรัฐกำหนดจัดให้มีการออกเสียงประชามติภายในระยะเวลา 3 เดือน ในขณะที่บางมลรัฐกำหนดให้ต้องจัดการออกเสียงประชามติขึ้นภายในระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งในขั้นตอนของการออกเสียงประชามตินี้ สภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐสามารถที่จะเสนอร่างกฎหมายอีกร่างหนึ่งหรือข้อเสนออื่นๆ (Counter proposal) เพื่อเป็นการเลือกให้แก่ประชาชนในการออกเสียงประชามติควบคู่กันไปกับร่างกฎหมายที่เสนอโดยประชาชนก็ได้
ร่างกฎหมายหรือข้อเสนออื่นๆ ในการออกเสียงประชามตินั้นจะถือว่าได้รับความเห็นชอบจากประชาชนต่อเมื่อได้รับคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบตามจำนวนที่กฎหมายของแต่ละมลรัฐกำหนด เช่น มลรัฐBaden - Wuerttemberg กำหนดให้ร่างกฎหมายที่ถือว่าได้รับความเห็นชอบจากประชาชนจะต้องได้รับความเห็นชอบโดยเสียงข้างมากของคะแนนเสียงทั้งหมดที่มาออกเสียงประชามติ ซึ่งจะต้องมีเสียงอย่างน้อย 1 ใน 3 ที่ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายนั้น มลรัฐ Brandenburg กำหนดว่าร่างกฎหมายจะได้รับความเห็นชอบจากประชาชน ต่อเมื่อได้รับเสียงข้างมากของประชาชนให้ความเห็นชอบและเสียงข้างมากนั้นจะต้องไม่น้อยกว่า 1ใน 4 ของประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด แต่ในกรณีที่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมหรือคำร้องขอให้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐนั้น จะต้องได้รับคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบอย่างน้อย 2 ใน 3 ของคะแนนเสียงทั้งหมดที่มาออกเสียงประชามติ และคะแนนเสียงดังกล่าวไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด และคะแนนเสียงที่ใช้ในการดำเนินการเฉพาะคะแนนที่สมบูรณ์เท่านั้น มลรัฐThueringen กำหนดร่างกฎหมายจะได้รับความเห็นชอบจากประชาชนในการออกเสียงประชามติก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากประชาชนในการออกเสียงลงคะแนนทั้งหมด ของผู้มาออกเสียงลงประชามติ และคะแนนเสียงดังกล่าวว่าจะต้องมากกว่า 1 ใน 3 ของผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด แต่ในกรณีที่เป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญจะต้องได้รับความเห็นชอบโดยเสียงข้างมากของประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนทั้งหมด เป็นต้น



1.5 ผลทางกฎหมายของร่างกฎหมายที่เสนอโดยประชาชน
หลังจากข้อเสนอของประชาชนได้ดำเนินการครบขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ และได้รับความเห็นชอบจากประชาชนในการออกเสียงประชามติเรียบร้อยแล้ว ข้อเสนอของประโยชน์จะมีผลใช้บังคับเช่นเดียวกับกฎหมายทั่วไปที่รัฐสภาหรือรัฐบาลแห่งมลรัฐเป็นผู้เสนอโดยผลของคำประกาศของผู้ว่าการแห่งมลรัฐ ซึ่งกฎหมายของแต่ละมลรัฐได้กำหนดวันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับนั้นมีความแตกต่างกัน เช่น มลรัฐBayern กำหนดให้กฎหมายที่ผ่านการพิจารณาตามขั้นตอนของรัฐธรรมย่อมประกาศใช้โดยผู้ว่าราชการแห่งมลรัฐBayern ภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามร่างกฎหมายที่เสนอโดยประชาชนที่ไม่ผ่านกระบวนการเรียกร้องหรือถูกปฏิเสธในกระบวนการเรียกร้อง จะได้รับการยื่นเข้ามาใหม่ได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละมลรัฐที่กำหนดไว้ เช่น มลรัฐSachsen กำหนดให้คำร้องขอประชาชนที่ถูกปฏิเสธในกระบวนการเรียกร้องจะได้รับการยื่นเข้ามาได้อย่างรวดเร็วที่สุดภายหลังจากการสิ้นสุดของสภาผู้แทนราษฎรแห่งมลรัฐเท่านั้น เป็นต้น

เอกสารอ้างอิง
วนิดา แสงสารพันธ์ “หลักรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยประชาชน”
กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์วิญญูชน , 2548.


Tags:

About author
not provided
ปัจุบัน พ้นจากการโมฆะบุรุษ รองศาสตราจารย์ประจำ คณะนิติศาสตร์
View all posts